งานออกแบบสุดประณีตของคาร์เทียร์ ได้กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่บอกเล่าตำนานแห่งความเป็นราชวงศ์ที่ร้อยเรียงความงามผ่านสุดยอดฝีมือ จนเราต่างวาดฝันถึงความหรูหรานั้น
งานออกแบบสุดประณีตของคาร์เทียร์ ได้กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่บอกเล่าตำนานแห่งความเป็นราชวงศ์ที่ร้อยเรียงความงามผ่านสุดยอดฝีมือ จนเราต่างวาดฝันถึงความหรูหรานั้น ภาพเจ้าหญิงในอุดมคติสวมใส่เครื่องประดับที่ไม่ได้แค่เลอค่า แต่ยังสะท้อนให้เห็นรายละเอียดซึ่งทางเมซงใส่ใจ อย่างเทียร่ารูปทรงโค้งมนสุดวิจิตรงดงามบนศีรษะ พาเราเพลิดเพลินไปกับมนตร์ขลังที่มีความเป็นมาย้อนไปในยุคศตวรรษที่ 20 บรรดาช่างฝีมือหันมาใช้แพลตินัม
ในการสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบา และใช้เหล็กกล้าที่สามารถดัดได้ มาดัดเป็นรูปทรงโค้งมนคล้ายพวงมาลาประดับศีรษะอย่างที่ต้องการ เทียร่าของสุภาพสตรีสมัยนั้นประดับตกแต่งด้วยเพชรวางตัวเป็นรูปใบไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ต่างจากของสุภาพบุรุษที่ตั้งใจแสดงออกถึงพลังอำนาจ ส่วนผิวสัมผัสของเทียร่า ช่างฝีมือใช้เทคนิคการวางหินแบบเกลียวขดเพื่อให้เทียร่ามีพื้นผิวที่เรียบสวยงาม
เทียร่าแต่ละชิ้นแฝงความหมายและบ่งบอกถึงบุคลิกและสไตล์ส่วนตัว แต่ละคนก็จะเลือกเทียร่าที่แตกต่างกัน สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธแห่งเบลเยียม เทียร่าของพระองค์เป็นรูปใบไม้ ส่วนของเจ้าหญิงอ็องเดร ภริยาของ Aga Khan III เป็นรูปดอกบัว ซึ่งนอกจากรูปทรงภายนอกแล้ว คาร์เทียร์ยังแฝงลูกเล่นต่างกันลงบนเทียร่าแต่ละชิ้น ยกตัวอย่างเช่น เทียร่าที่ประดับเพชรห้อยไข่มุกรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเทียร่าชิ้นเดิมของ Grand Duchess Vladimir ที่มีเหลี่ยมเจียระไนหลายแบบด้วยกัน เทียร่าของคาร์เทียร์นั้นได้จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ด้านการสไตลิ่งให้แก่ผู้คนในวงการแฟชั่น จนได้รับความนิยมและกลายเป็นธีมงานปาร์ตี้ของเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลาย ในขณะนั้นทายาทมหาเศรษฐีและคนในตระกูลดังต่างสวมเทียร่ากันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ Lila Vanderbilt Field ทายาทสายตรงของผู้ทรงอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา สาวผู้เป็นเจ้าของเทียร่าทรงลอนคลื่น ซึ่งเป็นที่โจษจันกันว่าลอนคลื่น 3 ลอนบนเทียร่าของเธอนั้นโค้งมนราวกับรอยสะบัดพู่กันของนักวาดภาพ
ชิ้นงานที่มีความโดดเด่นอย่าง Bandeau ได้เริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1914 ด้วยเทียร่าสีดำประดับเพชรประกายแวววาว 13 เม็ด
ตกแต่งทับทิม ทำให้เกิดการตัดกันของสีแดง-ขาว-ดำ กระทั่งมาถึงในยุคอาร์ตเดโค จึงเริ่มมีอิทธิพลของลายใบไม้ขนาดเล็กแนวแอ็บสแทร็กต์ เช่นเดียวกับโครงเส้นโค้งเว้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ต่อมาในปีค.ศ. 1920 Paul Poiret ได้แนะนำให้คนในยุคนั้นรู้จักกับสไตล์ใหม่ที่เรียกว่า La Garçonne ทุกอย่างถูกตัดให้สั้นลง ตั้งแต่ชุดไปจนถึงทรงผม คาร์เทียร์จึงรังสรรค์เครื่องประดับที่มีเส้นบางและตัดกันเป็นรูปเรขาคณิตขึ้นใหม่ เพื่อให้รับกับผมสไตล์ Dutch Bob โดยออกแบบให้แตกต่างจาก Kokoshnik ที่ผู้หญิงรัสเซียสวมใส่
นอกจากความสวยงามแล้ว ผลงานของคาร์เทียร์ยังเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของคู่รักต่างฐานันดร ที่ฝ่ายชายยอมสละทุกอย่าง แม้กระทั่งราชบัลลังก์ เพียงเพื่อจะได้ครองคู่กับหญิงที่ตนรัก ของแทนใจจากคาร์เทียร์ที่ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และ วอลลิส ซิมป์สัน หรือ ดัชเชส ออฟ วินด์เซอร์ มอบให้แก่กัน
ชิ้นแรกเริ่มจากกล่องบุหรี่สีโรสโกลด์ที่เธอสั่งทำพิเศษเป็นรูปแผนที่การเดินทางในยุโรป พร้อมสลัก “David from Wallis. Christmas 1935” ไว้บนกล่อง เพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่ฝ่ายชาย ลวดลายบนกล่องประกอบด้วยหินหลายสีสัน หินแต่ละก้อนเป็นตัวแทนของเมืองหลวงที่ทั้งคู่เดินทางไปร่วมกันมา พระองค์เองก็ได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์บรรจุในกรอบของคาร์เทียร์ นอกจากนั้นยังทรงขอเธอหมั้นด้วยแหวนมรกต 20.33 กะรัต และรับสั่งให้ทำเข็มกลัดสลักโค้ตลับเป็นตัวอักษร WE อันมาจาก
พยัญชนะขึ้นต้นชื่อของทั้งคู่ ผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งจากคาร์เทียร์ ที่แสดงให้เห็นถึงความรักอันแสนหวานของทั้งสอง คือ สร้อยข้อมือประดับเพชรพร้อมจี้รูปไม้กางเขนประดับอัญมณีเลอค่า จำนวน
9 อัน ด้านหลังจี้รูปไม้กางเขนแต่ละอันสลักข้อความและวันที่
ซึ่งเป็นวันสำคัญของทั้งคู่ เช่น “Our Marriage Cross Wallis
3-VI-37 David”, “Appendectomy Cross Wallis 31-VIII-44 David” สำหรับเป็นที่ระลึกเมื่อครั้งที่ ดัชเชส ออฟ วินด์เซอร์
เข้าโรงพยาบาล และ “WE are too” ข้อความลับที่ผูกให้ทั้งสอง
ครองรักกันชั่วชีวิต เป็นต้น
การเป็นตัวแทนสื่อรักนี้ได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์อีกครั้ง
เมื่อ เจ้าชายแรนีเยที่ 3 แห่งโมนาโก ขอหมั้น เกรซ เคลลี่ ดาราสาวสวยชาวอเมริกันผู้มีรสนิยมและความชอบที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์
เธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบ กับแหวนเพชรเจียระไนแบบมรกตที่มีสไตล์ “Less is More” ซึ่งเธอสวมแหวนวงนี้ไปทุกที่ แม้แต่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง High Society ของผู้กำกับ ชาร์ลส์ วอลเทอร์ส ที่เธอเล่นกับ บิง ครอสบี้ และ แฟรงก์ ซินาตรา ในวันแต่งงาน เจ้าหญิงเกรซ ทรงสวมเทียร่าแพลตินัมประดับเพชรทรงกลมและเหลี่ยม ตกแต่งทับทิมที่สามารถถอดออกมาติดเป็นเข็มกลัดได้ และเธอได้กลายเป็นเจ้าสาวที่ผู้หญิงทั้งโลก
ตั้งไว้เป็นแม่พิมพ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
พระราชชนนีของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และ
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ก็เคยเสด็จไปทอดพระเนตรการทำเครื่องประดับที่คาร์เทียร์เวิร์กช็อปในกรุงลอนดอนด้วย จะเห็นได้ว่า คาร์เทียร์นั้นผูกพันกับเหล่าราชวงศ์ จนกลายเป็นหลักฐานที่นอกจากมีมูลค่ามหาศาลแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็น
รูปธรรมได้ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้คาร์เทียร์ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์เครื่องประดับชั้นสูง ที่มีความลึกซึ้งเป็นอมตะตราบจนถึงทุกวันนี้